คนเก่ง

-ตอนเด็กๆ…ผมเข้าใจมาตลอดว่า…คนที่เรียนดีได้คะแนนสูง ได้อันดับดีๆสอบติดมหาวิทยาลัยดีๆจบด๊อดเตอร์…หลายๆใบ”คือคนเก่ง”
-โตขึ้นมา…ผมเข้าใจว่าคนที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ขั้นเทพ รายได้สูงๆเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปหรือสังคม”คือคนเก่ง”
-มาวันนี้…ผมพึ่งเข้าใจว่า ผมคิดผิดมาตลอดคนเก่งที่แท้จริงคือคนที่ทำงานหรืออาชีพอะไรก็ได้….ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ..และถึงเวลากินก็ได้กิน…ถึงเวลานอนก็ได้นอน…มีเวลาว่างก็ไปเที่ยวมีเวลาออกกำลังกาย..มีเวลาให้ครอบครัว..มีเวลาให้กับคนที่เขารัก…มีเวลาให้กับเพื่อนๆกับส่วนรวมและที่สำคัญคือมีเวลาให้กับตัวเอง…คนที่สมดุลทุกๆเรื่อง..ในแบบฉบับของตัวเอง…และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนั้นแหละ”คือคนเก่งที่แท้จริง”

เป็นข้อความที่ป๋าส่งมาให้อ่านและพออ่านจบก็คิดตามว่ามันคือเรื่องจริงและมันคือความหมายของคำว่า”คนเก่ง”และพ่อ/แม่ผมและพ่อแม่ของทุกคนคือคนเก่งคนนั้น🙏💙🥰🌸

Good old Days

เรียนรู้ ไม่ใช่มีแค่ในตำรา

“ถ้าเธอเรียนเก่งในโรงเรียน
และเชื่อฟังที่ครูสอน
เธอจะเป็นลูกจ้างที่ดี


แต่ถ้าเธอเรียนรู้นอกโรงเรียน
และเชื่อมั่นในตัวเอง
เธอจะกลายเป็นนายจ้าง”

วิธีที่ผมหลุดพ้น จากการเป็นศิลปินไส้แห้งในไทย

วิธีที่ผมหลุดพ้น จากการเป็นศิลปินไส้แห้งในไทย

1.ทำความเข้าใจ เกี่ยวกับประเทศตัวเองว่ามีกำลังซื้อต่ำโครตๆ จึงต้องหนีไปขายที่อื่น

  1. ถ้าเกิดมาในครอบครัวฐานะยากจน ไม่มีใครสนับสนุน อย่ามัวทำงานที่ใช้เวลามากแต่ได้เงินน้อย เพราะต้องใช้เงินในการดำรงชีวิตทุกวัน
  2. ตื่นรู้เรื่องการเคารพคุณค่าในตัวเองได้แล้ว เลิกเป็นคนใจดีจนโง่
  3. พลังที่แท้จริง ไม่ใช่การสร้างงานชิ้นเดียวแล้วขาย แต่เป็นการแปรรูปผลงานเป็นProduct แล้วหาแหล่งที่สามารถ ขายทำเงิน ได้เรื่อยๆจากการสร้างงานเพียงครั้งเดียว
  4. ต้องเข้าใจว่า ศิลปะของคนจนกับคนรวยมันแตกต่างกัน ถ้าบ้านคุณรวย คุณจะทำอะไรโง่ๆ มันก็เป็นศิลปะได้จากการใช้เงินทำ PR ตัวเอง แต่ถ้าคุณเกิดมากับความยากจน คุณจำเป็นต้องกลายเป็นคนที่ “เก่ง” จริงๆให้ได้ก่อน เพราะคุณต้องใช้ความ “เก่ง” ทางด้านทักษะ เพื่อหาเงิน
  5. อย่าเป็นคนโง่ ที่ตั้งราคาถูกๆเอาไว้ก่อน โดยที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร

รู้ไหม? ทำไมน้ำตกถึงสวย.”

รู้ไหม? ทำไมน้ำตกถึงสวย.”

พ่อ : รู้มั้ยลูกทำไมน้ำตกถึงสวย
ลูก : ก็เพราะมันเป็นน้ำตกไงคะพ่อ…
พ่อ : ไม่ใช่หรอกลูก ที่น้ำตกสวยน่ะ เพราะน้ำตกไม่ยอมเก็บน้ำไว้ในชั้นของตัวเองต่างหาก.
ลูก : หมายความว่าไงคะพ่อ..
พ่อ : ลูกสังเกตไหมล่ะว่า เวลาน้ำตกตกลงมาจากชั้นหนึ่งแล้ว. น้ำนั้นก็จะถูกส่งต่อลงไปอีกชั้นหนึ่งทันที เพราะวิธีนี้ที่น้ำตกไม่เห็นแก่ตัว แต่ยอมส่งน้ำที่ตกมาจากชั้นอื่น แล้วส่งต่อกันไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ น้ำตกถึงสวย และน้ำตกจึงยังคงเป็นน้ำตกที่มีเสน่ห์ไงละ

อย่าลืมน่ะลูก..ถ้าลูกอยากให้ตัวเองเป็นคนที่น่ารัก ลูกควรจะเป็นอย่างน้ำตกหากมีสิ่งดี ๆ ตกมาถึงตัวลูกอย่าเก็บสิ่งดี ๆ นั้นไว้คนเดียวลูกต้องเรียนรู้ที่จะแบ่งปันออกไปให้มากที่สุด มีก็แต่คนที่ “ให้” ออกไปเท่านั้นแหละลูกจึงจะเป็นคนที่ “ได้รับ” อย่างแท้จริง

เสรีภาพ

ถึง ลูกรัก

พ่อติดตามข่าวที่ลูกเรียกร้อง”ประชาธิปไตย”และ”เสรีภาพ”แล้ว พ่อรู้สึกแปลกใจ ที่เราอยู่กันมาตั้งแต่ลูกเกิด ทนุถนอมอบรมมาอย่างดี แต่ลูกกลับไปเชื่อ”ใครก็ไม่รู้” ที่ไม่เคยแม้แต่จะให้เงินลูกสักบาท ให้กินข้าวสักจาน จนลืมคำสั่งสอนของพ่อแม่ แต่อย่างไรก็ดี พ่อเคารพความคิดเห็นของลูกเสมอ จะไม่ตำหนิติติงอะไร แต่จะปรับตัวประพฤติปฏิบัติให้ดีขึ้นตามที่ลูกต้องการ ดังนั้น พ่อกับแม่จึงคิดว่า ถึงเวลาที่เราควรจะทบทวนปรับตัวให้เข้ากับ”เสรีภาพ”ตามที่ลูกต้องการ พ่อจึงอยากจะแจ้งให้ลูกทราบดังนี้

1.บุญคุณต่อกัน คงไม่มีตามที่ลูกบอกว่า ลูกเกิดมาเพราะความสนุกของพ่อแม่ จึงไม่มีบุญคุณต่อตัวลูก ไม่ว่าจะเป็นการอดหลับอดนอนเลี้ยงดู ข้าวปลาอาหาร และอื่นๆที่เคยหยิบยื่นให้ ซึ่งทั้งหมดนั้นพ่อและแม่ไม่คิด ถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบแม้ลูกจะไม่เต็มใจก็ตาม

2.ค่าใช้จ่ายที่พ่อเคยให้ลูกใช้ในแต่ละเดือนนั้น พ่อคิดว่ามันเป็นการละเมิด”สิทธิเสรีภาพ”ของพ่อ เพราะเงินที่หามาได้นั้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของพ่อ พ่อจึงควรมี”สิทธิเสรีภาพ”ในการจับจ่ายใช้สอยโดยไม่ควรให้ลูกละเมิดสิทธิ์ของพ่อโดยการนำเงินของพ่อไปใช้ ดังนั้น พ่อจะตัดค่าใช้จ่ายที่เคยให้ลูกลงครึ่งหนึ่ง โดยในส่วนที่เหลือ เป็นการทำหน้าที่ในฐานะ”บุพการี”ที่รักสนุกจนทำให้ลูกเกิดมา ถือว่าเราใช้”สิทธิเสรีภาพ”ในขอบเขตของแต่ละคนตามที่ลูกต้องการ

3.ค่าที่พัก จริงๆแล้ว บ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของพ่อกับแม่โดยมีลูกเป็นผู้อาศัย หรือเปรียบดังผู้เช่าที่สมควรจะเสียค่าเช่า ซึ่งตลอดมา ลูกไม่เคยจ่ายค่าเช่าเลยแม้แต่บาทเดียว รวมทั้งค่าน้ำค่าไฟก็ไม่เคยเสีย แต่ไม่เป็นไร พ่อยินดีให้อยู่ฟรีๆ แต่จากนี้ เราต้องเคารพ”สิทธิเสรีภาพ”ตามที่ลูกแสวงหา ดังนั้น ในเมื่อลูกใช้น้ำใช้ไฟที่พ่อไม่ได้ผลิตเอง แต่ซื้อมา ลูกจึงต้องรักษาเสรีภาพด้วยการ”ใช้เอง จ่ายเอง”ทั้งค่าน้ำค่าไฟ จะได้เท่าเทียมกัน เพราะพ่อกับแม่ก็ใช้เอง จ่ายเอง อย่างเสมอภาคเช่นเดียวกัน

4.อาหารการกิน เพื่อให้มีสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค และเพื่อให้ทันสมัยตามที่ลูกต้องการ นับจากนี้ พ่อกับแม่จะหันไปสั่งอาหารฟู๊ด แพนด้ามากินตามที่พ่อและแม่อยากกิน ส่วนลูกจะกินอะไร ก็แล้วแต่เสรีภาพของลูก โดยขอให้จ่ายเงินเองเพื่อความเสมอภาค หรือต้องการหุงหากินเอง ก็ใช้สิทธิ์ได้เต็มที่เพราะแม่เตรียมเอาไว้ให้แล้วในครัวโดยไม่คิดเงิน

5.เรื่องมรดก เพราะเราไม่มีบุญคุณต่อกัน ดังนั้น ลูกไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเป็นภาระเลี้ยงพ่อแม่ยามแก่เฒ่า ขอให้ลูกเดินตามความฝันที่ลูกต้องการ เพราะอีกไม่นานพ่อกับแม่ก็คงตายแล้วตามที่ลูกๆด่าทอ และเพื่อตายอย่างสงบและไม่ให้เป็นภาระของลูกๆ พ่อจึงจัดการมรดกที่พอมีของพ่อ ทั้งบ้านและที่ดิน ตลอดจนทรัพย์สินอื่นๆ พ่อจะเริ่มทยอยขายให้หมดก่อนพ่อตาย โดยเงินที่ขายมาได้นี้ พ่อจะแบ่งให้ลูกครึ่งหนึ่งในฐานะบุพการี ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง พ่อและแม่จะเก็บไว้กินไว้ใช้ รวมทั้งเอาไว้จัดงานศพ ส่วนที่เหลือจากจัดงานแล้ว ถือว่าเป็น”สิทธิเสรีภาพ”ของพ่อ พ่อจึงขอถวายวัดไปเพื่อสั่งสมบุญไปใช้ในภพหน้า

6.พ่อจะไม่บั่นทอนกำลังใจของลูกในการตามหา”เสรีภาพ”ในฝันตามที่ถูกสร้างวิมานไว้ แต่อยากให้ลูกคิดให้จงหนักว่าคนที่เขาวาดฝันให้ลูกนั้น เขามาเสี่ยงตายกับลูกหรือไม่ แต่สำหรับพ่อและแม่แล้ว หากลูกเป็นอะไรไป พ่อกับแม่คงใจสลายเพราะความรัก ซึ่งแม้จะเป็นความรักที่ลูกไม่เคยเห็นค่าเลยก็ตาม พ่อจึงขออวยพรให้ลูกปราศจากอันตรายทั้งปวง

7.เรื่องสุดท้าย เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน ต่อจากนี้ ลูกจะเรียกพ่อกับแม่ว่า”คุณ”เฉยๆก็ได้นะ ส่วนพ่อกับแม่จะขออนุญาตเรียกลูกว่า”ลูก” ตลอดไป

[#ด้วยรักและหวังดี]

จาก พ่อไดโนเสาร์ตัวหนึ่ง

Cr. เพื่อนทาง facebook

รู้ค่าสิ่งที่มีอยู่

คนนึง…นอนร้องไห้
เพราะไม่มีเงินเรียนต่อ
อีกคน…นอนร้องไห้
เพราะแม่ไม่ยอมถอยป้ายแดงให้
คนนึง…ทุรนทุราย
เพราะแบตโทรศัพท์จะหมด
อีกคน…ไม่มีแม้แต่เงิน
จะเปลี่ยนฟิล์มกระจกที่แตก
คนนึง…บ่นลงเฟส
ฝนตกอะไรตอนนี้ว่าจะไปช็อปปิ้ง หมดอารมณ์
อีกคน…ขายของตลาดนัด
วิ่งเก็บของทั้งน้ำตา ลงทุนซื้อของมา
ยังขายไม่ได้ทุนเลย
คนนึง…โพสต์ด่าร้านอาหาร
ที่รสชาติไม่ถูกปาก ถูกใจ
อีกคน…ไม่มีแม้กระทั่ง
เงินจะซื้อมาม่าห่อละหกบาทกิน
คนนึง…หงุดหงิดที่เน็ตช้า
ดูซีรี่ย์สดุด ไม่พอใจ
อีกคน…จ่ายค่าเน็ตรายวัน
ไม่มีตังค์มากพอจะจ่ายรายเดือน
คนนึง…ทะเลาะกับแฟนที่มารับสาย
อีกคน…ทั้งชีวิต ไม่มีใครมารับเลยสักครั้ง
คนนึง…ไม่เคยรักใคร “นอกจากตัวเอง”
อีกคน…ไม่มีใครให้รักเลย
คนนึง…ตะคอกพ่อแม่ทุกวันที่มาเจ้ากี้เจ้าการมากมาย
อีกคน…อยากเห็นหน้าแม่สักครั้ง
ก็ทำได้แค่ดูรูปถ่ายที่ยายทิ้งไว้ให้
คนนึง…ไม่เคยกลับมากินข้าวบ้านที่แม่เตรียมไว้
อีกคน…ตั้งแต่เกิดมา
ก็เห็นแม่แค่ในรูปที่มีกระถางธูปปักอยู่
หลายคนไม่พอใจ
สิ่งที่ตัวเองมีอยู่ และไม่รู้ว่า “มีค่า”
ในขณะที่หลายคนกำลัง “อยากมีชีวิตแบบเรา”
นี่แหละ.. “คน”……………………
…ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ ✌
Cr.เจ้าของภาพและท่านในภาพ

เลือกคู่ชีวิต

คนบางคน..เหมาะสมกับลูก
แต่เขาไม่รักลูก
คนบางคน..รักลูก
แต่เขาไม่เหมาะสม

หากอยากจะรู้ว่า..เขารักลูกหรือเปล่า ?
อย่าใช้หูฟัง
แต่ให้ใช้ตามอง
ดูว่าเขา..ทุ่มเทต่อลูกสักเพียงใด

หากอยากรู้ว่า..เหมาะสมกันหรือเปล่า ?
อย่าตัดสิน..ว่าเขามีอะไร
แต่จงตัดสินจากรอยยิ้มของลูก
และนํ้าตา
ที่ต้องหลั่งไปเพราะเขา

คนที่ทำให้ลูกร้องไห้อยู่เสมอ
ต่อให้เพียบพร้อมสักแค่ไหน
ก็อย่าเลือกฝากชีวิตไว้

คนที่ทำให้ลูกยิ้มได้
ต่อให้ฐานะยากจนเพียงใด
ก็คุ้มค่าที่จะฝากชีวิตไว้

จงเลือกเหนื่อย เพราะหัวเราะ
อย่าเลือกสบาย แต่ต้องร้องไห้ทุกวัน

เลือกคนที่กล้าเก็บรูปเธอ
ไว้ในกระเป๋าสตางค์

เลือกคนที่กล้าลงรูปเธอ
ไว้หน้าไทม์ไลน์ของเขา

เลือกคนที่กล้าให้เธอรู้
ความเคลื่อนไหวของเขา

เลือกคนที่เขากล้าทุ่มเทความรักให้กับเธอ

หากการคบหาใคร
เขาคนนั้นไม่ได้ทำให้เธอ
ดูดีขึ้นในสายตาใครๆ
ขอแสดงความเสียใจด้วย
เธอเลือกผิดคนเสียแล้ว

เพราะถ้าหากเขารักเธอจริง
เขาจะไม่ทำให้ผู้หญิงของเขาดูแย่
ในสายตาของใครๆ เลย….

ทำไมพ่อแม่ยุคใหม่ ควรสอนให้ลูกหาเงินเป็นก่อนเข้ามหาวิทยาลัย’

‘ทำไมพ่อแม่ยุคใหม่ ควรสอนให้ลูกหาเงินเป็นก่อนเข้ามหาวิทยาลัย’

ทุกวันนี้พูดกันเยอะว่า การศึกษา ตามโลกไม่ทัน ..หลายๆ อย่าง กว่าจะเรียนจบ ก็อาจจะใช้ไม่ได้แล้ว ‘ความเร็วของการเปลี่ยนแปลง’ มันทำให้ ทุกวันนี้เราต้องปรับตัว

1. ‘เราต่างเรียนรู้ เพื่อสุดท้ายจะได้หาเงินเป็น’ …พาลูกไปรู้จักการหาเงินแบบง่ายๆ ก่อน …อย่ารอจนจบปริญญาแล้วค่อยคิดหาเงิน มันจะตามเขาไม่ทัน

2. ‘คนที่เข้าใจค่าของเงิน ก็เมื่อวันที่เราเริ่มหาเงินเอง’ …ทุกวันนี้ที่เด็กไม่เข้าใจค่าของเงิน เพราะ เขาได้เงินมาง่ายเกินไป

3. ‘การเรียนมหาวิทยาลัย ช่วยให้คนที่หาเงินเป็นแล้ว ให้หาเงินเก่ง แต่แทบไม่ช่วยคนที่หาเงินไม่เป็น’ …สมัยก่อนเราคิดว่า มหาวิทยาลัยจะช่วยให้คนที่หาเงินไม่เป็นให้หาเงินเป็น …แต่คนที่ได้ประโยชน์สูงสุด คือ คนที่รู้วิธีหาเงินเป็นมาก่อน เขาจะเข้าใจและเติบโตแบบก้าวกระโดด

4. ‘การหาเงินเป็นทักษะ’ ..ยิ่งฝึก ยิ่งเข้าใจ …เศรษฐีส่วนใหญ่ ฝึกหาเงินตั้งแต่ยังเด็กทั้งนั้น

5. ‘อย่าอายที่จะหาเงิน ในเมื่อเราไม่เคยอายที่จะจ่ายเงิน’ …จ่ายเงินทำหน้าใหญ่ พอหาเงิน กลับหน้าบาง ..มันควรรู้สึกตรงข้ามนะ

6. ‘เงินไม่ได้ลอยมาจากฟ้า มันมาจากการแก้ปัญหาให้ผู้คน’ …คนหาเงินเก่ง ไม่ใช่คนไม่ดี เขาแค่มีประโยชน์และแก้ปัญหาให้ผู้คนได้มากกว่า

7. ‘ถ้าจะเพิ่มเงิน ให้เพิ่มความรู้ เพิ่มทักษะ’ …ถ้าเงินน้อยอย่านั่งบ่น ให้ไปหาความรู้เพิ่ม

8. ‘เด็กรุ่นใหม่ มักมีปัญหา เรื่องการตีค่าของตัวเอง’ ..คนรุ่นใหม่มักตีราคาตัวเองสูงเกินความจริง …เราจะรู้ราคาตัวเองจริงๆ เมื่อเริ่มหาเงินจริง

9. ‘ทุกวันนี้ ไม่มีอายุขั้นต่ำของการหาเงินแล้ว’ …โดยเฉพาะโลกออนไลน์ ถ้าคุณมีความสามารถที่แตกต่าง ก็ทำเงินได้แล้ว ไม่ต้องรอจนเรียนจบ

10. ‘เรียนอย่างเดียว อาจใช้ไม่ได้ในโลกยุคนี้’ …เพราะ ชีวิตจริงเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ ไม่ว่าเราทำงานหรือทำอะไร เราก็ต้องหาเงินควบคู่ไปด้วยทั้งนั้น …ดังนั้น การฝึกซ้อมการหาเงินตั้งแต่เด็ก เรียนไปหาเงินไป ก็ฝึกฝนไป

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

อย่าเสียดาย ..

อย่าเสียดาย!!!!

  1. “เวลาชีวิต”เราลดลงไปทุกวัน
    ควรเลิกเสียดายอดีตได้แล้ว
  2. “ความสุข”ไม่ได้เกิดจากมีเท่าไหร่
    แต่ความสุขอยู่ที่เราพอเมื่อไหร่
  3. “มีพบ มีพราก มีจาก มีลา”
    เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเกิดขึ้น
    กับเราทุกคน ฝึกให้ชินวันหนึ่ง
    มันจะวนมาหาเราอย่างแน่นอน
  4. สิ่งใดที่เรา ”ควบคุมมันไม่ได้”
    สิ่งนั้นกำลังสอนให้เราปล่อยวาง
  5. ใครจะอวดอะไรก็เรื่องของเขา
    มัน “สิทธิ์ของเขา” แค่เรารักษาใจเรา
    ไม่ให้อิจฉาใครก็พอ
  6. “ไม่มีใครเก่งไปซะทุกอย่าง”
    ไม่มีใครกระจอกไปซะทุกเรื่อง
    เรามีทั้งเรื่องเก่งและไม่เก่ง
    ปะปนกันไป
  7. “อย่าไปคิดเยอะเกินวันนี้”
    เพราะไม่รู้เราจะอยู่ถึงไหม
    ทำให้ดีแล้วปล่อยวางก็พอ
  8. “หัดช่างแม่งบ้าง” กับบางเรื่อง
    ในชีวิต เพราะไม่มีอะไรที่จะ
    เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ได้ตลอด
  9. ชีวิตเสียใจได้แต่ “อย่าเสียดาย”
    เสียใจไม่นานก็หาย แต่เสียดาย
    ทั้งชีวิตก็ยังคงอยู่อย่างนั้น
  10. ไม่อยากเสียดายชีวิต
    “ชัดเจนกับตัวเองได้แล้ว”
    เจ็บก็ชัดเจน ไม่เจ็บก็ชัดเจน
    แต่มันยังดีกว่าชีวิตคาราคาซัง
  11. “คาดหวัง” ไว้มากเท่าไหร่
    ก็อย่าลืมเตรียมความผิดหวัง
    ไว้มากด้วยเท่านั้น
  12. อะไรไม่ใช่ของ ๆ เรา
    อยู่ไม่นานหรอก
    อะไรที่เป็นของ ๆ
    เราไกลแค่ไหนก็
    “วนเวียนมาหาเราอยู่ดี”
  13. เราและเขาเปลี่ยนแปลง
    ไปทุกวันเลิกยึดติดกับ
    ภาพความทรงจำเดิมได้แล้ว
  14. อย่าเก็บความรู้สึกแย่ ๆ
    ไว้เพียงคนเดียว
    หัดระบายมันออกมาบ้าง
  15. วันไหนที่เราได้ดี
    อย่าไปดูถูกใคร
    เพราะไม่รู้วันไหน
    เราจะล้มเหมือนเขาบ้าง
  16. ความผิดหวัง
    ถ้าไม่ทำให้เราตาย
    มองให้ดีมันก็ทำ
    ให้เราโต
  17. อย่าพยายามอยากรู้อดีตเลย
    สังเกตตัวเองง่าย ๆ
    อดีตกำหนดปัจจุบัน
    ปัจจุบันกำหนดอนาคตเรา
  18. พ่อ-แม่ ตายก่อนเรา
    เป็นเรื่องธรรมดา หมั่นถามไถ่
    ห่วงใยท่านบ้างเมื่อจากกัน
    จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดาย
    เคาะบอกรักกันที่ฝาโลง
  19. ชีวิตไม่มีปลายทาง
    จงอยู่กับปัจจุบัน
    อย่ากังวลปลายทาง
    เพราะบางทีมันอาจไม่มีจริง
  20. “เรามาตัวเปล่า ไปตัวเปล่า
    อย่าไปคาดหวังเยอะกับชีวิต”
    สักวันเราก็ต้องตาย

การมีลมหายใจในตอนนี้
และทำอะไรก็ได้ในสิ่งดี ๆ
ย่อมดีที่สุดแล้ว

ฟังนะลูก!

คนที่เราควรระวังตัวด้วย

ไม่ใช่คนที่โผงผางหรือเจ้าอารมณ์

แต่เป็นคนที่ปากหวานก้นเปรี้ยว

พูดจาดีต่อหน้า

แต่ลับหลังนี่แทงเราซะเละ